ตึงไปก็ไม่ไหว หย่อนไปก็ไม่ดี ทางสายกลางต่างหากคือวิถีที่ช่วยรักษาสมดุลของชีวิต เมื่อทุ่มเทให้กับการงานอย่างเต็มที่ เราก็ควรให้เวลาตัวเองในการพักผ่อนด้วยเช่นกัน เพื่อฟื้นฟูความสดชื่น-สดใส ก่อนที่จะกลับไปเอ็นจอยกับงานอีกครั้ง

การหยุดที่ดี ควรเป็นการ ‘หยุดจากงาน’ จริงๆ คุณควรห่างจากจอคอมพิวเตอร์ อีเมล หรือกรุ๊ปไลน์ที่ทำงาน วางทุกอย่างไว้แล้วไม่หันหลังกลับไปกระวนกระวาย เชื่อสิว่าโลกยังคงหมุนไปได้ หากคุณอยากจะหยุดพักสักวันหนึ่ง และไม่แน่ การหยุดอย่างมีคุณภาพจะทำให้คุณได้ค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในงานของคุณก็ได้

 

  1. หยุด เพื่อสนุกอย่าง Extreme

กีฬาเอ็กซ์ตรีม อย่าง ปีนผา โดดบันจี้จัมป์ สามารถผลักให้เราไปถึงสุดขอบทั้งด้านกายภาพและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่มีความเสี่ยงจะบังคับให้เราพยายามหาทางออกเพื่อรับมือหรือจัดการกับเหตุการณ์นั้น ซึ่งที่สุดจะช่วยให้เราอารมณ์เย็นขึ้นเวลาทำงาน

นอกจากจะช่วยให้รู้จักตัวเองมากขึ้น กีฬาเอ็กซ์สตรีมยังช่วยให้เราก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง และเปลี่ยนมันเป็นประสบการณ์ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจในตัวเอง ทั้งในเชิงกายภาพและความแข็งแกร่งของจิตใจด้วย

 

  1. หยุด เพื่อเติมความรู้

หากเปรียบการทำงานคือการสร้าง Output เราก็ควรหาเวลาในการเติม Input ของตัวเองบ้าง การเพิ่มทรัพยากรความรู้และความสามารถย่อมเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของคุณให้ดีขึ้นได้ การเลือกลงคอร์สเรียนอะไรสักอย่างเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับวันหยุด

ไม่จำเป็นต้องเป็นคอร์สเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการงานเสมอไป การพัฒนาตัวเองมีได้หลายวิธี บางคนอาจเลือกเรียนสิ่งที่เป็นเทรนด์ในโลกปัจจุบันอย่างการเขียนโค้ด การทำ Digital Marketing การออกแบบ UX, UI ไปจนถึงการลงทุนใน Cryptocurrency แต่คอร์สเรียนศิลปะ ทำอาหาร หรือเย็บปัก ก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยกว่ากัน เนื่องจากเป็นทั้งการพักผ่อน และเสริมทักษะในชีวิตประจำวันด้วย

ในปัจจุบันการเรียนไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในห้องเรียนอีกแล้ว มีคอร์สดีๆ มากมายในอินเตอร์เน็ตที่ใช้ต้นทุนไม่สูงนัก แถมยังเรียนตอนไหนก็ได้ ไม่จำกัดเวลา เป็นอีกทางเลือกในการจัดสรรกิจกรรมให้กับวันหยุดของคุณ

 

  1. หยุด เพื่อออกเดินทาง

การพาตัวเองออกจาก ที่ที่คุ้นเคย ช่วยส่งเสริมและพัฒนาตัวเองได้หลายเรื่อง การออกเดินทางทำให้ได้พบกับผู้คนใหม่ๆ ที่จะพามาซึ่งบทสนทนาและวิธีคิดที่เราอาจคาดไม่ถึง ทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าใจ Insight หรือความต้องการของผู้คนจริงๆ ไม่ต้องทำเซอร์เวย์หรือแบบสอบถามให้วุ่นวาย แค่เข้าไปคุยกับคนที่ไม่รู้จัก สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งจะกลายเป็นวัตถุดิบในอนาคตของเราได้

นอกจากพบเจอผู้คนแล้ว การเดินทางยังทำให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติ ซึ่งมีส่วนช่วยทางด้านอารมณ์ ทำให้เราผ่อนคลายจากภาระการงาน การได้อยู่ในแวดล้อมอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทำให้เราได้รับพลังอันสดชื่นที่หาไม่ได้จากในเมือง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ไฟการทำงานของคุณลุกโชนต่อเนื่อง

 

  1. หยุด เพื่อให้รางวัลตัวเอง

ให้รางวัลกับร่างกายบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี ในวันทำงานไม่ว่าจะเป็นงานที่ต้องออกกำลังหรือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ล้วนเป็นการใช้งานร่างกายทั้งสิ้น หนทางที่ดีในการตอบแทนร่างกายที่อ่อนล้า คือพาตัวเองไปรับการปรนนิบัติเสียบ้าง ไม่ว่าจะเข้าไปสปา บำบัดด้วยกลิ่นหอม พร้อมนวดผ่อนคลาย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สบายเนื้อสบายตัวขึ้นแล้ว ยังคลายความตึงเครียดได้ด้วย

แต่หากรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียและมีอาหารเจ็บหรือปวดกล้ามเนื้อบางจุด จนรู้สึกว่าควรได้รับการดูแลอย่างจริงจัง การไปยืดเส้นผ่อนคลายโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น การ Stretch ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว โดยเฉพาะกับคนที่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน โรคยอดฮิตอย่าง Office Syndrome ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย การยืดกล้ามเนื้อโดยผู้เชี่ยวชาญ ประกอบกับการกดจุด จะช่วยคลายมัดกล้ามที่เกร็งให้คลายลงได้ ลดอาการเจ็บ ปวด และความไม่สบายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย ป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาวอีกด้วย

 

  1. หยุด เพื่อหยุดอย่างแท้จริง

การพักผ่อนอย่างแท้จริง เป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการพักทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ในยุคสมัยนี้เรามักจะได้ยินคำพูดที่เชิดชูการทำงานหนักอย่าง “นอนให้น้อย ทำงานให้เยอะ” การหยุดพักคือเรื่อง ‘เสียเวลา’ เราต่างเร่งรัดกรุยทางเพื่อไปสู่ความสำเร็จ แต่เราอยากบอกว่า การอนุญาตให้ตัวเองพักนอนเล่นสักวันจะช่วยให้คุณยืนระยะได้นานขึ้น

การโหมงานอย่างหนักหน่วงมีความเสี่ยงต่อการ Burnout หรือ หมดไฟสูง เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คล้ายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหลาย ที่ต้องการหยุดเพื่อชาร์จแบตเตอรี ซึ่งยังเป็นการถนอมอุปกรณ์ให้ใช้งานได้ยาวนานด้วย

Stephen King นักเขียนนิยายเขย่าขวัญชื่อดังเคยกล่าวไว้ว่า “สำหรับผม การไม่ทำงาน คือการทำงานที่แท้จริง”

ประโยคนี้สะท้อนประโยชน์อีกประการของการพัก นั่นคือการได้มีเวลาหยุดทบทวนตัวเอง ทั้งการกระทำและความคิด หลายครั้งที่เราพบข้อบกพร่องของตัวเองก็จากกระบวนการนี้ ก่อนจะสตาร์ทเครื่องเพื่อเดินหน้าต่อ การหันกลับมาดูตัวเองและปรับปรุงในส่วนที่ขาดก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน